Phase 1: Planning
- Hide content Save the Date – กำหนดวันแต่งงาน
ถ้าเรายังไม่ทราบวันจัดงาน เราก็จะจองสถานที่ และ Vendors เจ้าต่างๆไม่ได้นะคะ - Talk to Parents – คุยกับผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเพื่อทราบว่าท่านมี Concern อะไรบ้าง
รีบคุยกับผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายให้เร็วที่สุดเลยน๊า เราจะได้ทราบว่าผู้ใหญ่มี concern อะไรบ้าง อยากให้เราเตรียมอะไร หรือระวังอะไรเป็นพิเศษบ้าง เมื่อเราเตรียมส่วนอื่นๆจะได้ระวังไว้ค่ะ - Who will be your guests? – จะเชิญแขกประมาณกี่คน
เริ่มคุยกับแฟน และผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายว่าจะเชิญแขกประมาณกี่คนแต่เนิ่นๆนะคะ เราจะได้วางแผนได้ว่าเราควรจัดที่สถานที่แบบไหน จุคนได้กี่คน ต้องใช้เงินประมาณเท่าไหร่
ส่วนมากรายชื่อแขกไม่เคยนิ่งค่ะ มี revise หลายรอบอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นทำแต่เนิ่นๆดีกว่า จะได้มีล่กตอนใกล้วันงานนะคะ - What is your Budget? – มีงบประมาณสำหรับงานแต่งงานเท่าไหร่
เราต้องประเมินให้ได้ก่อนนะคะว่าเราจะมีเงินสำรองใช้จ่ายเพื่อการจัดงานเท่าไหร่ เราจะได้รู้ว่าสถานที่ หรือ Vendor ต่างๆที่เราจะเลือกใช้บริการได้ควรอยู่ใน Range ราคาประมาณไหนค่ะ Oh…แล้วก็อย่าลืมนึกถึง Hidden Cost ต่างๆด้วยนะคะ ^^” - Where will be your venue? – หาสถานที่จัดงานแต่งงาน
บ่าวสาวหลายๆคู่จองสถานที่จัดงานล่วงหน้าเป็นปีเลยค่ะ เพราะฉะนั้นถ้าทราบวันงานแน่นอนแล้ว รีบจองสถานที่จัดงานแต่เนิ่น - Beautify Me – ตามหาชุดแต่งงาน จองคิวช่างแต่งหน้าทำผม
ช่างดังๆร้านดังๆคิว HOT จองกันข้ามปี เพราะงั้นรีบเลือก รีบจองดีกว่านะคะ
(Tips: ช่างต่างๆมักจะมีการปรับเรทราคาขึ้นทุกปี ถ้าจองมัดจำก่อนนานๆจะได้ป้องกันการขึ้นราคาของช่างดังๆด้วยน๊า) - Capture the Moment – จองคิวตากล้อง
ตากล้องคิวแน่นพอๆกับช่างแต่งหน้า ทำผมเลยค่ะ รีบจองคิวไว้ก่อนแต่เนิ่นๆนะคะ - What will be ‘Your Story’ (Theme)?
เริ่มหา Reference คุยกับแฟนว่า Theme ของงานเราควรเป็นเรื่องราวแบบไหน เพราะตัว Theme นี่แหล่ะค่ะที่จะเป็นสิ่งตีกรอบให้การเตรียมงานส่วนอื่นๆของเราไปในทิศทางเดียวกันค่ะ
Phase 2: Execution
-
การ์ดเชิญ + ซองการที่เราจะสั่งการ์ดได้ เพื่อนๆก็ต้องทราบจำนวนแขกก่อนนะคะ แล้วพิมพ์เผื่อไปสัก 10% เผื่อมีจำนวนแขกที่ต้องการเชิญเพิ่มเกินจากที่คาดการณ์ไว้นะคะ
จะพิมพ์ซองได้รายชื่อแขกต้องนิ่ง และมีตัวสะกดชื่อแขกพร้อมค่ะ ส่วนมากร้านการ์ดจะมีซองมาให้อยู่แล้วนะคะ แต่ส่วนมากเราจะมีการพิมพ์ซองผิดพลาดกัน เพราะฉะนั้นอาจจะซื้อซองสีเดียวกันเผื่อไว้ก่อนก็ดีนะคะ
จัดแบ่งแขกออกเป็นกลุ่มๆตามประเภทการเชิญนะคะ (ส่งให้ด้วยตัวเอง, ส่งไปรษณีย์, ฝากเพื่อนให้)ช่วงเวลาที่น่าจะจัดส่งการ์ดให้แขกได้แล้วก็คือ ช่วงหนึ่งเดือน หรือเดือนครึ่งก่อนวันงานนะคะ - ของชำร่วย
ของชำร่วยสั่งทำไม่นานค่ะ แต่เสียเวลาตอนหาร้านที่มีของถูกใจ ราคาพอดีงบ หรือเข้ากับ theme งานค่ะ - การตกแต่งภายในงาน
หากต้องการตกแต่งสถานที่เพิ่ม ตกลงกับทางสถานที่ให้พร้อมว่าอะไรทำได้ไม่ได้นะคะ - Backdrop
อย่าลืมเชคกับสถานที่ว่าควรใช้ Backdrop ขนาดแค่ไหนค่ะ แล้วค่อยเลือกรูปแบบของ Backdrop ตามงบที่มี รีบหา Vendor แต่เนิ่นๆถ้าแต่งงานช่วงปลายปีนะคะ - Wedding Presentation
ก่อนอื่นเพื่อนๆต้องตัดสินใจว่าจะทำเอง หรือจะหา Vendor เจ้าที่เก่งในแนวที่เราชอบ ราคาอยู่ในงบมาช่วยเราค่ะถ้าเพื่อนๆจะใช้ Vendor เค้าจะเตรียมถ่ายทำก่อนล่วงหน้าประมาณ 2 เดือนค่ะ - Pre-Wedding
สิ่งที่ขาดไม่ได้เก็บภาพสวยๆชุดบ่าวสาว ถ่ายนอกสถานที่ ครั้งหนึ่งในชีวิตเลือกช่างภาพที่เราไว้ใจได้ หาข้อมูลสไตล์ที่เราเชอบ - ของรับไหว้
ควรเตรียมของรับไหว้เผื่อเกินจำนวนแขกผู้ใหญ่ที่เชิญร่วมพิธีไว้ประมาณ 10% นะคะ - อาหาร และเครื่องดื่ม
เพื่อนๆคงต้องตัดสินใจว่าจะโต๊ะจีน หรือค๊อกเทลค่ะ ถ้าค็อกเทลลองดูว่าต้องสั่งซุ้มอาหารเพิ่มไหมสั่งเพิ่มเท่าไหร่ ตามสูตรคือแขก 1 คนถามประมาณ 2.75 portion ค่ะ ลองอ่าน article นัทเพิ่มเติมนะคะ - เพลงในงาน
เพื่อนๆเลือกไว้เลยนะคะว่าอยากใช้วงเล่นในงานรึเปล่า ถ้าใช่ก็เตรียมหาวงที่ชอบ และเชคกับทางโรงแรมว่ามีจุด support เครื่องดนตรีรึเปล่า ถ้าจะเปิด CD ก็เตรียมหาเพลงไว้เลยค่ะ
ที่สำคัญสุดคืออย่าลืมหาเพลงที่เปิดตอน highlight ของงานนะคะ (เปิดตัว, ตัดเค้ก, โยนดอกไม้) - ชุดแต่งงาน
อย่าลืมหาชุดให้เจ้าบ่าวด้วยนะคะ ^_^ - รองเท้า
- แหวน
ถ้าเพื่อนๆไม่ได้มีแหวนอยู่แล้ว หรือไม่ได้จะซื้อแบบสำเร็จรูป (คือไม่ต้องเลือกตัวเรือน ตัวเพชรแล้วมาประกอบทีหลัง) นัทว่าเผื่อเวลาไว้หน่อยก็ดีค่ะ เพราะกว่าจะหาร้าน หาเพชรที่ถูกใจ หาแบบที่ใช่ ในราคาที่พอดี แล้วสั่งทำ ค่อนข้างจะใช้เวลาค่ะ ทั้งของผู้หญิง และผู้ชายเลย - เครื่องประดับ
- ตรวจร่างกายก่อนแต่งงาน
Phase 3: Final Checklist
- Communication
ช่วงนี้คงต้องเช็คว่าส่งการ์ดเชิญออกหมดแล้วรึยังค่ะ และสร้าง awareness ไม่ให้คนลืมวันแต่งงานของเราค่ะ อาจจะใช้ Facebook Event มาเป็นตัวช่วยก็ได้นะคะ - Confirm รายละเอียดกับ Vendor ทุกเจ้า
เช็คว่างานทุกอย่างเป็นไปตาม Timeline ที่วางไว้ไหม แล้วนัดวันเวลาในการส่งงานให้เรียบร้อยค่ะ - Confirm รายละเอียดกับโรงแรม สถานที่จัดงาน
Confirm จำนวนแขก อาหารที่สั่ง การตกแต่งงานกับทางสถานที่ให้เรียบร้อย และอย่าลืมนัดวันเข้าไปซ้อมคิวกับที่โรงแรมด้วยนะคะ เพื่อจะได้เข้าใจตรงกันว่าลำดับขั้นตอนของงานมีอะไรบ้างค่ะ วันงานเค้าจะได้ช่วยประสานงานให้ได้ง่ายขึ้น - เตรียม Script Sequence ของงาน
การเตรียม Sequence ของพิธีการให้ละเอียดและครบถ้วน ระบุลำดับขั้นตอนทุกอย่าง ตรงไหนต้องหรี่ไฟ เปิดไฟ เปิดเพลงเปิดตัว เปิดเพลงตัดเค้ก เพื่อให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกัน ประสานงานได้ถูกต้องค่ะ - Final Check สำหรับ Video Presentation/ เพลง
ตอนไปสรุปงานกับที่โรงแรม เราควรลองเปิดทั้ง Video Presentation และเพลงในสถานที่จัดงานจริงๆนะคะ จะได้รู้ว่าภาพขึ้นจอมั้ย เสียงออกชัดเจนรึเปล่า มีปัญหาเรื่อง Resolution อะไรพวกนี้บ้างมั้ย จะได้รีบแก้ให้ทันค่ะ พร้อมทั้งลองเปิดพวกเพลงเปิดตัว เพลงตัดเค้ก เพลงโยนดอกไม้ ทางทีมเทคนิคได้คุ้นหูกะเพลงนิดหน่อย และตกลงจังหวะกันตาม Sequence ค่ะ - เชิญประธาน/ เถ้าแก่
ถึงเราจะเคยเรียนเชิญท่านไว้แล้ว แต่ช่วงใกล้ๆงานก็ต้องเตือนท่านอีกรอบนะคะ พร้อมขอเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ หรือขอทะเบียนรถไว้ ในกรณีที่จะเตรียมที่จอดรถ VIP ไว้ให้ท่านค่ะ -
สรุปงานกับแม่งาน/ เพื่อนๆที่มาช่วยงานทุกคน/ พิธีกรใกล้ๆวันงานสัก 1-2 อาทิตย์ก่อนงาน อาจจะรวมตัวเพื่อนๆมานั่ง go through Sequence ของงานด้วยกัน และสรุปหน้าที่ความรับผิดชอบของทุกคนอีกทีค่ะ
-
เตรียม Script ขอบคุณเตรียมเป็นไอเดียคร่าวๆในหัวสำหรับพูดขอบคุณในงานค่ะ
- เตรียมความสวย
นัทว่าสาวๆไม่พลาดเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่อย่าลืมดูแลให้แฟนเราด้วยนะคะ - แพ็คของสำหรับวันงาน
เช็คกับทางโรงแรมว่าเอาของไปเก็บก่อนล่วงหน้าได้มั้ย แล้วอย่าลืมทำป้ายติดกล่องให้ชัดเจนนะคะ ลองอ่าน article นัทดูนะคะ